อยู่ให้ไว้ใจ ไปให้คิดถึง



สัจจะธรรม หรือความจริงมักเกิดเวลาเจอปัญหา คนเรามักมีปัญญาเวลาปัญหาเกิด ลุ่มหลงลืมธรรมะเวลามีความสุข แต่พอเวลาทุกข์กลับมองหาวัดเป็นสถานที่พึ่งพิง!! ไม่เว้นแม้แต่เจ้าของบล็อกเอง T^T


กาลครั้งหนึ่ง ยามเมื่อผมยังเยาว์ อ่อนไหวต่อโลกภายนอก จริงจังกับทุกเรื่องและทุกสิ่งที่ทำ ไม่เข้าใจว่า ทำไมกันนะ ผลลัพธ์ที่เราอุตส่าห์พยายามทำดี กลับได้ผลตอบแทนออกมาแย่อย่างนี้ และแทบจะทนมีหน้าอยู่บนโลกอันโหดร้ายใบนี้ไม่ได้


เวลาผ่าน ร้อนฝนหนาวเข้าสัมผัสกับร่างกาย ทุกครั้งที่อากาศหนาวมา ผมรู้ว่าผ้ามีไว้ห่ม ทุกครั้งที่ฝนตกลงมา ผมรู้ว่าร่มเอาไว้กาง และทุกครั้งที่แดดแผดเผา ผมจะหาเงาไม้เป็นที่พักพิง ผมทำอย่างนี้ตลอดสิบสองเดือน ห้าสิบสองสัปดาห์จนกลายเป็นความเคยชิน หากเราขับรถบนถนนเส้นไหนบ่อยๆ เราย่อมแทบจะจำได้ว่าเสาไฟฟ้าต้นไหนที่เราเคยจอดรถลงไปฉี่รดไว้บ้าง ไม่ต่างกับปัญหาและความทุกข์ สิ่งไหน ปัญหาใดผ่านเข้ามาทักทายชีวิตบ่อยๆ สิ่งนั้นปัญหานั้นเราย่อมไม่ปริและวิตกต่อมันแต่อย่างใด ปัญหาที่ผ่าน เปรียบเสมือนคลื่นที่ซัดจากน้ำเข้าหาฝั่ง ตราบเท่าที่แรงของคลื่นยังมี น้ำก็จะยังไม่ลดระดับลง ต่อเมื่อแรงของคลื่นหมดแล้ว น้ำก็จะกลับเข้าไปสู่ทะเลเหมือนเดิมเหมือนปัญหาที่เข้ามายังไงก็ต้องออกไป ชีวิตของคนเราก็เปรียบดังเช่นคลื่นในทะเล มีขึ้น มีลง มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีสุข มีทุกข์ มีสรรเสริญ และมีนินทาเป็นโลกธรรมแปดคู่โลกไปจวบจนกว่าร่างกายของเราจะดับสูญไป


ช่วงหนึ่งของชีวิต ผมเคยมีความสุข สุขน้อย สุขมาก สุขที่สุด เคยมียศ ยศน้อย ยศมาก ยศมากที่สุด เคยมีลาภ ลาภน้อย ลาภมาก ลาภมากที่สุด เคยมีสรรเสริญ และที่สำคัญคือเคยโดนนินทรา แม้แต่ใส่ร้ายในเรื่องร้ายแรงก็เคยผ่าน เมื่อก่อนเคยโกรธคนที่ทำให้เรารู้สึกแย่ ปัจจุบันนี้พูดได้คำเดียวว่า อโหสิให้กับทุกคนที่เคยล่วงเกินผม เราไม่สามารถเปลี่ยนคนอื่นได้ แต่เราสามารถเปลี่ยนตัวเองได้ เราต่างเกิดมาทำหน้าที่ของแต่ละคน และต่างแยกย้ายตายจากกันในที่สุด คนที่คิดไม่เหมือนเรา ไม่ใช่คนผิด เหตุผลของเขาอาจจะไม่ใช่เหตุผลของเรา หากแต่สิ่งที่เราควรไตร่ตรอง ลองคิดดูในสังคมที่ข่าวสารออนไลน์รวดเร็ว กระชับ ฉับไวเยี่ยงนี้ คือสติ พิจารณา และมองทุกอย่างทุกมุมให้รอบคอบ และยึดหลักกาลามสูตรของพระพุทธเจ้า ฟังหูไว้หูนำเอามาใช้ จะได้ไม่เกิดมิจฉาทิฏฐิ จำไว้เสมอๆว่า ข่าวทุกข่าวโดนบิดเบือนมาแล้วทั้งนั้น หรือถึงแม้ว่าข่าวนั้นจะเป็นความจริง เราก็ควรจะคิดว่า ถ้าเป็นเราอยู่ในสถานการณ์นั้น เราจะทำอย่างเขาหรือไม่ อย่าเพิ่งตอบว่าไม่ทำนะ ผมเชื่อมั่นว่าในเวลาเสี้ยววินาที แต่ละคนมีเวลาตัดสินใจอะไรไม่มากหรอก ดังนั้น ไม่จำเป็นว่าคนที่ทำผิด จะต้องผิดเสมอไป เราเพียงแต่ตั้งกฎเกณฑ์กันขึ้นมา เพื่อกล่าวหาคนกลุ่มที่ไม่เข้าพวกว่าผิด เท่านั้นเอง แน่นอนว่าหากอยากปลีกหนีจากสิ่งเหล่านี้ คุณต้องบวชเป็นพระ และออกธุดงค์ไปอยู่ในป่าไกลๆ แต่หากยังทำไม่ได้ เราควรเข้าใจกติกาของสังคมให้มากขึ้น เพื่อจะได้อยู่ในสังคมอย่างเป็นสุข (แก่ตัวเราเอง) ก็เท่านั้นเอง


เกิดมาทั้งที การที่จะรู้จักคนสักคนหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นพรหมลิขิตมากแล้ว การได้อาศัยใช้ชีวิตอยู่กับเขาก็ย่อมหมายถึง เคยมีเวรกรรมต่อกันมาก่อน ใครที่รู้สึกไม่ดีต่อคนที่อยู่ร่วม หากท่านไม่ปลง อโหสิไม่ได้ ท่านก็ต้องเกิดมาเจอเขาไปตลอด ไม่รู้จะเกลียดกันไปอีกกี่ชาติถึงจะสิ้นสุด ส่วนใครที่ดีต่อกัน อยู่มาวันหนึ่งต้องสูญเสียเขาไป ก็ไม่ต้องเศร้าเสียใจ คิดซะว่าเราทำบุญกันมาแค่นี้ หากเขารู้ในยมโลกว่าเราสรรเสริญเขาในทางที่ดี เขาคงรู้สึกดีไม่น้อย และไม่เสียชาติเกิด ที่ได้เกิดมาใช้ชีวิตคลุกคลีกับเรา เหมือนดังเช่นน้องเหน่ง คนที่ทำให้ผมเกิดแรงบันดาลใจเขียนบล็อกนี้


สายวันนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม 2554) ผมเข้าไปดูแลระบบ และซ่อมแซมแก้ไขคอมพิวเตอร์ของโรงแรมแห่งหนึ่งในบ้านฉาง ที่ซึ่งครั้งหนึ่งผมเคยทำงานที่นั่น ที่ต้องเข้าไปเพราะว่าที่นั่น เจ้าหน้าที่ไอที และช่างศิลป์เพิ่งเสียชีวิตจากการโดนรถชนเมื่อวันปีใหม่ ที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้ที่โรงแรมไม่มีคนดูแลระบบคอมพิวเตอร์ ตลอดระยะเวลาที่ผมทำงานวันนี้ เสียงของพนักงานในแผนกต่างๆ มีแต่สรรเสริญเจ้าหน้าที่ท่านนี้ ว่าเป็นคนดีอย่างนั้น อย่างนี้ ไม่มีแม้แต่คำกร่นด่าหรือพูดถึงเขาในทางไม่ดี จนคนเจนโลกอย่างผมรู้สึกว่า ผมคงไม่มีทางทดแทนหรือทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่า "เหน่ง" แน่ๆ


สัจจะธรรม หรือความจริงมักเกิดเวลาเจอปัญหา คนเรามักมีปัญญาเวลาปัญหาเกิด ลุ่มหลงลืมธรรมะเวลามีความสุข แต่พอเวลาทุกข์กลับมองหาวัดเป็นสถานที่พึ่งพิง!! แต่คราวนี้เว้นไว้กับผมสักคน ในเวลาที่ผมกำลังมีความสุขกับการพบปะเพื่อนเก่า กับมิตรภาพที่ทุกคนมอบให้ ผมกลับมองเห็นสัจจะธรรมบางอย่างเกิดขึ้นในใจ ว่าแท้จริงแล้ว การอยู่ร่วมกันของคนเราอาศัยเงื่อนไขนิดเดียวว่า "อยู่ให้ไว้ใจ ไปให้คิดถึง" ถ้าเราคิดได้แบบนี้ สังคมของการอยู่ร่วมกันคงมีความสุขขึ้นอีกเยอะ


ขอบคุณเหน่ง ที่ทำให้พี่ๆน้องๆในโรงแรมมีรอยยิ้ม จากการทำงานเพื่อคนอื่นของเหน่ง พี่รู้ตัวดีว่าพี่ไม่มีทางทำหน้าที่นี้แทนเหน่งได้และไม่มีทางทำได้ดีเท่าเหน่งแน่นอน ขอให้เหน่งและพี่ช่างศิลป์ หลับให้สบายและสู่สุคติทั้งคู่ครับ


ด้วยความเคารพ...







ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม